3 มิ.ย. 2564 ไพบูลย์ ดำรงวารี ผู้อำนวยการฝ่ายจดทะเบียนหลักทรัพย์ 2 สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวถึงแนวทางในการพัฒนาความยั่งยืนของบริษัทจดทะเบียนในตลาดทุนว่า สำหรับองค์กรขนาดใหญ่ที่มีศักยภาพทางการเงินที่แข็งแกร่ง การเพิ่มสิ่งตอบแทนหรือสวัสดิการเพื่อรักษาพนักงานคุณภาพเอาไว้อาจทำได้ไม่ยาก โดยหนึ่งในสวัสดิการที่ “บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์” นิยมนำมาใช้เพื่อช่วยสร้างแรงจูงใจให้พนักงานมุ่งมั่นทุ่มเททำงาน คือ ESOP
ESOP หรือ Employee Stock Option Program คือ สวัสดิการในรูปแบบหนึ่งที่กิจการออกและเสนอขายหุ้นของกิจการให้แก่พนักงาน เพื่อให้มีส่วนร่วมและมีสิทธิในฐานะเจ้าของกิจการคนหนึ่งด้วย และเมื่อกิจการมีผลกำไรที่ดี มีการเติบโตมากขึ้น และจ่ายเงินปันผลได้ นอกจากนี้ หุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อาจมีราคาปรับสูงขึ้น พนักงานในฐานะผู้ถือหุ้นของกิจการก็จะได้รับผลตอบแทนเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ปัจจัยเหล่านี้จะเป็นแรงกระตุ้นให้พนักงานทำงานด้วยความมุ่งมั่นทุ่มเท และมีความผูกพันกับกิจการ
แต่เดิมธุรกิจ SME หรือ Startup ยังไม่สามารถเลือกใช้ ESOP ได้ จนเมื่อต้นปี 2563 สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ออกหลักเกณฑ์ PP-SME ซึ่งเปิดโอกาสให้บริษัทจำกัดสามารถขาย ESOP ให้กรรมการและพนักงาน เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการจูงใจบุคลากรที่มีศักยภาพให้อยู่ร่วมงานกับกิจการได้
SME ที่เป็นบริษัทจำกัดซึ่งเข้าร่วมโครงการส่งเสริมการระดมทุนผ่านตลาดทุน ระหว่าง ก.ล.ต. และสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.)* สามารถเสนอขาย ESOP ให้กรรมการและพนักงานของกิจการและบริษัทย่อย รวมถึงนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นเพื่อถือหุ้นแทนกิจการสำหรับการจัดสรรหุ้นให้แก่กรรมการและพนักงาน (SPV) โดยไม่จำกัดวงเงิน ไม่จำกัดจำนวนผู้ลงทุน และไม่ต้องยื่นเอกสารคำขออนุญาตต่อ ก.ล.ต. เพียงแต่ต้องแจ้งข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับกิจการให้พนักงาน และรายงานผลการขายให้ ก.ล.ต. ทราบเท่านั้น
ESOP จึงเป็นเครื่องมือที่เหมาะสมอย่างยิ่งกับ SME ที่ต้องการ Option ช่วยเพิ่มความน่าสนใจและจูงใจคนที่มีศักยภาพในการเข้ามาร่วมงาน นอกจากนี้ ในบางครั้งการได้รับเงินเดือนสูงๆ อาจจะไม่สามารถจูงใจพนักงานที่มีศักยภาพได้มากเท่ากับการทำให้เห็นโอกาสประสบความสำเร็จ มีเป้าหมายร่วมกันที่จะเรียนรู้ พัฒนา และเติบโตไปพร้อมกันในฐานะ “ผู้ถือหุ้น”
เพราะ SME เป็นหนี่งในกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย โดยปัจจุบันมีผู้ประกอบการที่เป็น SME อยู่กว่า 3.1 ล้านราย มีการจ้างงานทั่วประเทศมากกว่า 12 ล้านคน และยังเป็นแหล่งพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ทั้งนี้ มูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (GDP SME) ในไตรมาส 4 ของปี 2563 สูงถึง 1.42 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 34.3% ของ GDP ประเทศไทย**
ก.ล.ต. จึงมุ่งหวังให้ตลาดทุนเป็นแหล่งเงินระดมทุนสำหรับกิจการทุกประเภท โดยเฉพาะอย่างยิ่ง SME ซึ่งเป็นรากฐานเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศให้สามารถระดมทุนผ่านตลาดทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยต้นทุนที่ไม่สูงจนเกินไป ควบคู่ไปกับการคุ้มครองผู้ลงทุนอย่างเหมาะสม
ที่มา: ผู้จัดการออนไลน์, 3/6/2564
ภาพประกอบ: Industry Today